ทุกครั้งที่เปิดเทอม ก็มักจะถูกบังคับให้เลือกกิจกรรมชุมนุมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากสำหรับผม เพราะไม่รู้จะเลือกชุมนุมไหนดี กิจกรรมชุมนุมในโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นด้านวิชาการ หรือ กีฬา และผมก็ไม่ถนัดทั้งสองด้าน วิชาการก็ไม่เด่น เล่นกีฬาก็ไม่ไหว ในที่สุด ผมก็ได้มาลงหลักปักฐานกับวงโยธวาทิตของโรงเรียน
ทั้งที่ไม่เคยเล่นดนตรีมาก่อนเลย นอกจากเป่าขลุ่ยในวิชาดนตรี ตอนที่เรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย แต่ก็แค่งูๆปลาๆ ไม่ได้เก่งขนาดเป็นความสามารถพิเศษแต่อย่างใด เหตุผลที่เลือกวงโยธวาทิต ประการสำคัญข้อแรกก็คงจะเป็นเพราะเลือกไปให้ครบๆ วิชาเรียนตามที่หลักสูตรกำหนด ประการที่สองเพราะวงโยธวาทิตไม่ใช่กิจกรรมด้านวิชาการหรือการกีฬา ประการที่สามก็เห็นจะเป็นความแปลกใหม่ของกิจกรรมที่ผมเพิ่งมีโอกาสได้พบเมื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ตอนที่เข้าชั้น ม.1 และประการสุดท้ายก็อาจจะเพราะชุดดูเท่ห์ดี เพราะตอนมาสมัครสอบที่บดินทรเดชา ผมได้เห็นรุ่นพี่เค้าฝึกซ้อมและดูชุดวงผ่านไปผ่านมา ก็เลยอยากจะลองใส่ดูบ้าง แต่ก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เวลาใส่ชุดเนี่ย ร้อนมากถึงมากที่สุด
เมื่อได้เข้ามาในวงแล้ว ผมก็ได้เล่นพวกเครื่องเป่า แรกๆ ก็ลองไปเรื่อยๆ
มีรุ่นพี่คอยสอนให้
และสุดท้ายจะเพราะคุณครูผู้ควบคุมเห็นว่ามีความสามารถหรือจะเพราะผมค่อนข้างตัวใหญ่
ก็เลยให้ผมเล่นทูบา ซึ่งเป็นเครื่องเป่าทองเหลืองที่หนักและใหญ่ที่สุด และผมก็ลงเอยกับทูบามาตลอด 6 ปีของการเป็นนักดนตรีของวงโยธวาทิตบดินทรเดชา โดยไม่มีการเกี่ยงงอนแต่อย่างใด
ทูบากับผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แต่ก็สามารถทำความเข้าใจกันจนสนิทสนมคุ้นเคย
จากที่ไม่เคยแม้จะคิดหยิบเครื่องดนตรีมาเล่นไม่ว่าจะในโอกาสพิเศษใด ก็กลายเป็นต้องเล่นดนตรีทุกวัน วันละหลายๆ
ชั่วโมง ไม่เพียงแต่ต้องฝึกเป่าทูบา ผมต้องฝึกอ่านโน๊ตเพลง
และต้องซ้อมกับเครื่องดนตรีอื่นๆ ในวงที่มีอย่างมากมาย รวมถึงกับคัลเลอร์การ์ดสาวๆ
ที่เต้นประกอบการแสดง สมาชิกในวงจึงมากมายก่ายกอง นับไปนับมาก็ร่วม 100 คน วงโยธาทิตจึงเป็นกิจกรรมที่มีสมาชิกเยอะกว่าชุมนุมไหนๆ พวกชุมนุมกีฬา
เค้าก็มีกันไม่มากอย่างฟุตบอลก็ 20-30 บาสเกตบอลก็คงซัก 15 -20 แต่พวกผมจัดเต็มมาเป็น 100
ยิ่งในช่วงการแข่งขันที่ต้องมีรุ่นพี่มาช่วยเล่นหรือมาซ้อมให้
ก็จะเยอะกว่านี้อีก
วงโยธวาทิตเป็นกิจกรรมกลุ่มที่ต้องอาศัยความสามัคคีและการร่วมมือร่วมใจของสมาชิกทุกคน
ทำให้การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและพร้อมเพรียงกันเป็นเรื่องสำคัญมาก
เราจึงต้องใช้เวลาในการซ้อมซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า
หลายครั้งก็เบื่อที่ต้องทำอะไรซ้ำแล้วซ้ำอีก แถมยังโดนดูโดนว่าสารพัดสารพัน
เหนื่อยก็เหนื่อย หนักก็หนัก เพราะทูบาบนไหล่ผมเนี่ย
10 กก. นะครับ แบกกันนานๆ ก็สาหัสอยู่
ยิ่งในช่วงที่มีการแข่งขันโดยเฉพาะในระดับประเทศ
ซึ่งผมมีโอกาสเป็นคนหนึ่งที่ได้ไปร่วมการแข่งขัน World Marching Band ที่
เกาะ Jeju ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2006
(แต่เนื่องจากหาวีดีโอแข่งที่เกาหลีใต้ไม่เจอเลย เอาที่มาแข่งในประเทศไทยมาแทนเป็นโชว์เดียวกันครับ)
Part 1
Part 2
เราก็ยิ่งซ้อมกันหนักมากจนถึงขั้นอดหลับอดนอน บางครั้งก็ต้องขาดเรียนเมื่อต้องเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงคำว่า ความสามัคคี การรู้จักให้อภัย การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะหากใครคนใดคนนึงผิดพลาด ภาพรวมการแสดงโชว์ทั้งหมดก็จะผิดไปด้วย โดยเฉพาะในการแปรขบวนที่จะก้าวพลาดซักก้าวก็ไม่ได้
เกาะ Jeju ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2006
(แต่เนื่องจากหาวีดีโอแข่งที่เกาหลีใต้ไม่เจอเลย เอาที่มาแข่งในประเทศไทยมาแทนเป็นโชว์เดียวกันครับ)
Part 1
Part 3
และ สนาม Merdeka ประเทศมาเลเซีย ในปี 2007
เราก็ยิ่งซ้อมกันหนักมากจนถึงขั้นอดหลับอดนอน บางครั้งก็ต้องขาดเรียนเมื่อต้องเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงคำว่า ความสามัคคี การรู้จักให้อภัย การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะหากใครคนใดคนนึงผิดพลาด ภาพรวมการแสดงโชว์ทั้งหมดก็จะผิดไปด้วย โดยเฉพาะในการแปรขบวนที่จะก้าวพลาดซักก้าวก็ไม่ได้
วงโยธวาทิต จึงไม่ได้สอนแค่การเล่นดนตรีให้กับผม ยังสอนให้ผมอดทนเข้มแข็ง
สอนให้ผมรู้จักเห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง รู้จักการเสียสละ และรู้จักเพื่อนๆ
รุ่นพี่รุ่นน้องที่อยู่เคียงข้างกันตลอดระยะเวลา 6 ปีในบดินทรเดชา
ที่แวดล้อมไปด้วยมิตรภาพและสร้างความผูกพันให้กับพวกเราที่ต้องทนเหนื่อยทนร้อน
และบางครั้งก็ต้องทนยืนตากฝนมาด้วยกัน
ความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกซ้อมคุ้มค่ามากเมื่อได้ความภาคภูมิใจกลับคืนมา
ทุกครั้งที่เข้าแข่งขันและเมื่อถึงเวลาประกาศผลแล้วปรากฏว่า วงโยธวาทิต บดินทรเดชา
ชนะการแข่งขัน ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในวง
ชุดวงทีแสนจะร้อนแต่อิ่มเอมไปด้วยความภาคภูมิใจ
เหงื่อที่ไหลอาบผสมรวมกับน้ำตาแห่งความดีใจ ประสบการณ์แบบนี้ ที่ไหนก็หาไม่ได้
ถ้าไม่ได้เป็นหนึ่งในวงโยธวาทิตของบดินทรเดชา


พอมาถึงวันสุดท้ายของการเป็นนักเรียนบดินทรเดชา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้วันนี้มาถึงรวมถึงตัวผมด้วย เพราะที่แห่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ซึ่งผมใช้เวลากับบ้านหลังนี้มากกว่าบ้านของผมจริงๆซะอีก แต่ก็มีรุ่นน้องที่น่ารักทุกคนในวงโยธวาทิตแห่งนี้ได้ทำวีดีโอเป็นที่ระลึก ให้กับ ผมและเพื่อนๆในรุ่นเดียวกกัน
ผมที่ดีใจที่ได้เลือกชุมนุมวงโยธวาทิตแต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช้ชุมนุมแต่มันเป็นครอบครับที่สำคัญมากที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว ต้องขอบคุณที่โรงเรียน บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ที่ให้ผมมีความทรงจำที่ล้ำค่ากับ วงโยธวาทิตที่ผมรักที่ไม่มีวันจะลบไปจากความทรงจำของผม แม้ว่าตอนนี้ผมจะเรียนจบจากบดินทรเดชามาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังกลับไปบ้านหลังนี้เสมอ