วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Bodindecha Marching Band

     



     ทุกครั้งที่เปิดเทอม  ก็มักจะถูกบังคับให้เลือกกิจกรรมชุมนุมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากสำหรับผม เพราะไม่รู้จะเลือกชุมนุมไหนดี กิจกรรมชุมนุมในโรงเรียน  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นด้านวิชาการ หรือ กีฬา และผมก็ไม่ถนัดทั้งสองด้าน  วิชาการก็ไม่เด่น  เล่นกีฬาก็ไม่ไหว  ในที่สุด 
ผมก็ได้มาลงหลักปักฐานกับวงโยธวาทิตของโรงเรียน 





    ทั้งที่ไม่เคยเล่นดนตรีมาก่อนเลย นอกจากเป่าขลุ่ยในวิชาดนตรี ตอนที่เรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย แต่ก็แค่งูๆปลาๆ ไม่ได้เก่งขนาดเป็นความสามารถพิเศษแต่อย่างใด เหตุผลที่เลือกวงโยธวาทิต ประการสำคัญข้อแรกก็คงจะเป็นเพราะเลือกไปให้ครบๆ วิชาเรียนตามที่หลักสูตรกำหนด  ประการที่สองเพราะวงโยธวาทิตไม่ใช่กิจกรรมด้านวิชาการหรือการกีฬา ประการที่สามก็เห็นจะเป็นความแปลกใหม่ของกิจกรรมที่ผมเพิ่งมีโอกาสได้พบเมื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ตอนที่เข้าชั้น ม.1  และประการสุดท้ายก็อาจจะเพราะชุดดูเท่ห์ดี เพราะตอนมาสมัครสอบที่บดินทรเดชา ผมได้เห็นรุ่นพี่เค้าฝึกซ้อมและดูชุดวงผ่านไปผ่านมา ก็เลยอยากจะลองใส่ดูบ้าง แต่ก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เวลาใส่ชุดเนี่ย ร้อนมากถึงมากที่สุด

   เมื่อได้เข้ามาในวงแล้ว ผมก็ได้เล่นพวกเครื่องเป่า แรกๆ ก็ลองไปเรื่อยๆ มีรุ่นพี่คอยสอนให้ และสุดท้ายจะเพราะคุณครูผู้ควบคุมเห็นว่ามีความสามารถหรือจะเพราะผมค่อนข้างตัวใหญ่ ก็เลยให้ผมเล่นทูบา ซึ่งเป็นเครื่องเป่าทองเหลืองที่หนักและใหญ่ที่สุด  และผมก็ลงเอยกับทูบามาตลอด 6 ปีของการเป็นนักดนตรีของวงโยธวาทิตบดินทรเดชา  โดยไม่มีการเกี่ยงงอนแต่อย่างใด
ทูบากับผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็สามารถทำความเข้าใจกันจนสนิทสนมคุ้นเคย จากที่ไม่เคยแม้จะคิดหยิบเครื่องดนตรีมาเล่นไม่ว่าจะในโอกาสพิเศษใด  ก็กลายเป็นต้องเล่นดนตรีทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง ไม่เพียงแต่ต้องฝึกเป่าทูบา ผมต้องฝึกอ่านโน๊ตเพลง และต้องซ้อมกับเครื่องดนตรีอื่นๆ ในวงที่มีอย่างมากมาย รวมถึงกับคัลเลอร์การ์ดสาวๆ ที่เต้นประกอบการแสดง สมาชิกในวงจึงมากมายก่ายกอง นับไปนับมาก็ร่วม 100 คน วงโยธาทิตจึงเป็นกิจกรรมที่มีสมาชิกเยอะกว่าชุมนุมไหนๆ พวกชุมนุมกีฬา เค้าก็มีกันไม่มากอย่างฟุตบอลก็ 20-30  บาสเกตบอลก็คงซัก 15 -20  แต่พวกผมจัดเต็มมาเป็น 100  ยิ่งในช่วงการแข่งขันที่ต้องมีรุ่นพี่มาช่วยเล่นหรือมาซ้อมให้ ก็จะเยอะกว่านี้อีก
วงโยธวาทิตเป็นกิจกรรมกลุ่มที่ต้องอาศัยความสามัคคีและการร่วมมือร่วมใจของสมาชิกทุกคน ทำให้การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและพร้อมเพรียงกันเป็นเรื่องสำคัญมาก เราจึงต้องใช้เวลาในการซ้อมซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งก็เบื่อที่ต้องทำอะไรซ้ำแล้วซ้ำอีก แถมยังโดนดูโดนว่าสารพัดสารพัน เหนื่อยก็เหนื่อย  หนักก็หนัก เพราะทูบาบนไหล่ผมเนี่ย 10 กก. นะครับ แบกกันนานๆ ก็สาหัสอยู่ ยิ่งในช่วงที่มีการแข่งขันโดยเฉพาะในระดับประเทศ ซึ่งผมมีโอกาสเป็นคนหนึ่งที่ได้ไปร่วมการแข่งขัน World Marching Band ที่ 
เกาะ Jeju ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2006           
 (แต่เนื่องจากหาวีดีโอแข่งที่เกาหลีใต้ไม่เจอเลย เอาที่มาแข่งในประเทศไทยมาแทนเป็นโชว์เดียวกันครับ)

Part 1
Part 2

Part 3





และ สนาม Merdeka ประเทศมาเลเซีย ในปี 2007




    เราก็ยิ่งซ้อมกันหนักมากจนถึงขั้นอดหลับอดนอน บางครั้งก็ต้องขาดเรียนเมื่อต้องเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ  ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงคำว่า ความสามัคคี การรู้จักให้อภัย การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เพราะหากใครคนใดคนนึงผิดพลาด ภาพรวมการแสดงโชว์ทั้งหมดก็จะผิดไปด้วย โดยเฉพาะในการแปรขบวนที่จะก้าวพลาดซักก้าวก็ไม่ได้
   วงโยธวาทิต จึงไม่ได้สอนแค่การเล่นดนตรีให้กับผม ยังสอนให้ผมอดทนเข้มแข็ง สอนให้ผมรู้จักเห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง รู้จักการเสียสละ  และรู้จักเพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้องที่อยู่เคียงข้างกันตลอดระยะเวลา 6 ปีในบดินทรเดชา ที่แวดล้อมไปด้วยมิตรภาพและสร้างความผูกพันให้กับพวกเราที่ต้องทนเหนื่อยทนร้อน และบางครั้งก็ต้องทนยืนตากฝนมาด้วยกัน
ความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกซ้อมคุ้มค่ามากเมื่อได้ความภาคภูมิใจกลับคืนมา ทุกครั้งที่เข้าแข่งขันและเมื่อถึงเวลาประกาศผลแล้วปรากฏว่า วงโยธวาทิต บดินทรเดชา ชนะการแข่งขัน ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในวง ชุดวงทีแสนจะร้อนแต่อิ่มเอมไปด้วยความภาคภูมิใจ เหงื่อที่ไหลอาบผสมรวมกับน้ำตาแห่งความดีใจ ประสบการณ์แบบนี้ ที่ไหนก็หาไม่ได้ ถ้าไม่ได้เป็นหนึ่งในวงโยธวาทิตของบดินทรเดชา









    


      พอมาถึงวันสุดท้ายของการเป็นนักเรียนบดินทรเดชา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้วันนี้มาถึงรวมถึงตัวผมด้วย เพราะที่แห่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ซึ่งผมใช้เวลากับบ้านหลังนี้มากกว่าบ้านของผมจริงๆซะอีก แต่ก็มีรุ่นน้องที่น่ารักทุกคนในวงโยธวาทิตแห่งนี้ได้ทำวีดีโอเป็นที่ระลึก ให้กับ ผมและเพื่อนๆในรุ่นเดียวกกัน







    ผมที่ดีใจที่ได้เลือกชุมนุมวงโยธวาทิตแต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช้ชุมนุมแต่มันเป็นครอบครับที่สำคัญมากที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว ต้องขอบคุณที่โรงเรียน บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ที่ให้ผมมีความทรงจำที่ล้ำค่ากับ วงโยธวาทิตที่ผมรักที่ไม่มีวันจะลบไปจากความทรงจำของผม แม้ว่าตอนนี้ผมจะเรียนจบจากบดินทรเดชามาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังกลับไปบ้านหลังนี้เสม









This Is Bodin Look At  Me !



32 ความคิดเห็น:

  1. เป็นเรื่องราวที่สุดยอดมาก ออกแนวซึ้งๆท้ายๆ เยี่ยม

    ตอบลบ
  2. โห้ๆๆๆ ยิ่งใหญ่สุดยอดดด เจ๋งอะ ...

    ตอบลบ
  3. ชอบชีวิตที่น่าอิจฉาของแกจังเลย ได้ไปแข่งขันถึงต่างประเทศ อ่านแล้วรู้สึกดีอ่ะ

    ตอบลบ
  4. น่าอิจฉาอ่ะ ขนาดเรียนจบมาตั้ง3ปี แต่ความรักในโรงเรียนก็ยังไม่มีเปลี่ยน

    ตอบลบ
  5. โอ้ยๆๆ จะใหญ่ไหไหน เนียๆๆ

    ตอบลบ
  6. So Fabulous!!

    ฝีมือใช่ย่อยนะเค๊อะ ว่างๆ เดี๊ยนจะชวนมากินเค้ก !!!

    ตอบลบ
  7. อลังการงานสร้างสุดๆๆ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ17 ธันวาคม 2556 เวลา 06:49

    ที่สุดของคำว่าสุดยอด นายแน่มาก นายเอาใจเราไปเลย(เอาไปแค่ครึ่งเดียวพอนะ ที่เหลือเราจะเก็บไว้ให้กับคนที่เรารัก ^^)

    ตอบลบ
  9. ถือว่าสุดยอด ผมเคยคิดจะไปถึงแต่หยุดเพราะใจไม่รักมันจริงจัง

    ตอบลบ
  10. เป็นเรื่องที่สุดยอดไปเลย ประทับใจจริงๆ ^^

    ตอบลบ
  11. สุดยอดไปเลย เก่งมากๆ

    ตอบลบ
  12. รู้สึกประทับใจมากๆเลยค่ะ
    หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้ว^^
    แบบว่ามีความพยายามมากๆเลยจริงๆ
    ขอชื่นชมจากใจจริงค่ะ^3^

    ตอบลบ
  13. ขนาดผมพึ่งเข้าวงมาแค่2ปียังน้ำตาซึมเลยนี่ถ้าจบม.6จะขนาดไหนT_T

    ตอบลบ